ปีงบประมาณ 2535
ชื่อโครงการวิจัย
ทัศนคติของนักธุรกิจเกาหลี :
การค้าการลงทุนในประเทศไทย
ผู้ทำวิจัย
รศ.เกศินี วิฑูรชาติ
นางภาณี รูปสม และนายสุทิน สายสงวน
ปีที่แล้วเสร็จ
2535 จำนวนหน้า 35
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย
การวิจัยเรื่องทัศนคติของนักธุรกิจเกาหลีต่อการค้าการลงทุนในประเทศไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อทราบถึงเหตุผลของการลงทุนในประเทศไทย
เพื่อทราบถึงทัศนคติของนักลงทุนเหล่านี้เกี่ยวกับบรรยากาศของการค้าและการลงทุนในประเทศไทย
พร้อมทั้งอุปสรรคของการดำเนินงานอปี เอกสารเผยแพร่
บทความในวารสารทางวิชาการ รายงานผลการวิจัย ตำรา ฯลฯ
ซึ่งพิมพ์เผยแพร่โดยหน่วยงานที่เป็นที่มีชื่อเสียงยอมรับในทางวิชาการ
ขณะที่การวิจัยเชิงสำรวจได้จัดทำกรอบตัวอย่างซึ่งรวบรวมจากรายชื่อบริษัทธุรกิจในประเทศไทยซึ่งปรากฎในทำเนียบสมาชิกหอการค้าไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างกันตั้งแต่วันที่
1 ตุลาคม พ.ศ.
2501 อย่างไรก็ตาม
ความสัมพันธ์ทางการค้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ.
2504 (ดำรง ฐานดี และ วุฒิชัย ดวงรัตน์, 2530)
ซึ่งภายหลังความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศได้ขยายตัวมากขึ้นเมื่อนักธุรกิจเกาหลีใต้เริ่มเดินทางมาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่
พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา
(สุรชัย ศิริไกร, 2529 :1)
ก่อนสงครามเกาหลี
อาจกล่าวได้ว่าไทยมีความรู้เกี่ยวกับเกาหลีใต้ไม่มากนัก
ทว่าความรู้ความเข้าใจในด้านสังคมและวัฒนธรรมเกาหลีใต้เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่รัฐบาลไทยจัดส่งกำลังทหารภาคพื้นดินเข้าร่วมรบครั้งนี้
กล่าวคือ เมื่อเดือนตุลาคม 2493
ซึ่งทหารไทยเดินทางถึงเกาหลีใต้
และทำการสู้รบอย่างกล้าหาญจนได้รับฉายานามว่า พยัคฆ์น้อย
ต่อมาเดือนเมษายน 2494
การสู้รบได้ขยายตัวและมีผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มมากขึ้น
ไทยก็ได้เพิ่มการสนับสนุนโดยส่งเครื่องบินลำเลียง
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไปช่วยรบ
และส่งคณะแพทย์ไทยไปช่วยสภากาชาดสากลที่รักษาผู้บาดเจ็บจากสงคราม
สืบเนื่องจากบทบาทของไทยในสงครามครั้งนั้นทำให้รัฐบาลและประชาชนเกาหลีใต้ตระหนักในน้ำใจไมตรีของไทยซึ่งส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองดำเนินไปด้วยดีตลอดมา
(สุรชัย ศิริไกร, 2529 : 2-6)
ตลอดระยะเวลาสงครามเย็น
โดยเฉพาะทศวรรษ1960s(พ.ศ.25032512)
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพราะทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา
จึงมีภัยคุกคามร่วมกัน
และได้มีการแลกเปลี่ยนการพบปะเจรจาระหว่างผู้นำการเมืองและทหารอย่างสม่ำเสมอ
ต่อมาประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการสู้รบและความขัดแย้งในสงครามกัมพูชานาน
13 ปี (ธันวาคม
2521- พฤษภาคม 2534)
รัฐบาลเกาหลีใต้จึงเสนอให้ความช่วยเหลือแก่ไทยทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง
และการทหารเพื่อเป็นการต่างตอบแทน
ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างเกาหลีใต้กับไทย
สุรชัย
ศิริไกร (2529 : 2-6) แสดงทัศนะว่า
แม้ความสัมพันธ์อันดีทางการเมืองและการทหารระหว่างเกาหลีใต้กับไทยจะดำเนินต่อเนื่องยาวนานก็ตาม
แต่ไม่ได้ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศทั้งสองมากเท่าที่ควร
กล่าวคือ นับแต่วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.
2493
รัฐบาลไทยได้มีมติตกลงจัดส่งทหารกำลังทหารภาคพื้นดินหนึ่งกองพลไปช่วยเกาหลีใต้ซึ่งเดินทางถึงเกาหลีใต้ในเดือนตุลาคม
2493
แต่นานเกือบทศวรรษทั้งสองประเทศจึงได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างกันในวันที่
1 ตุลาคม พ.ศ.
2501
โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศก็เริ่มอย่างเป็นทางการโดยมีข้อตกลงทางการค้าระหว่างกันเมื่อวันที่
15 กันยายน พ.ศ.
2504 กระนั้นก็ดี
เกือบสองทศวรรษถัดมาจึงได้สถาปนาหอการค้าไทย-เกาหลีขึ้นเมื่อวันที่
7 พฤศจิกายน พ.ศ.
2520
โดยการรวมกลุ่มกันของนักธุรกิจและนักการค้าเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าการลงทุนและทางเศรษฐกิจ
ต่อมา พ.ศ. 2527
เริ่มมีนักธุรกิจเกาหลีใต้มาลงทุนในประเทศไทย
หลังจากความขัดแย้งในกัมพูชายุติและสงครามเย็นได้สิ้นสุดลงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งสองขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน
ความสัมพันธ์ระดับพหุภาคีระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ได้ขยายตัวขึ้นในรูปแบบของความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการรักษาสันติภาพทางการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
ซึ่งทั้งสองประเทศได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้งขององค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศเอเชียแปซิฟิค(Asia
Pacific Economic Cooperation : APEC) ในปี พ.ศ.
2532
ปัจจุบัน
เกาหลีใต้เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญประเทศหนึ่งของไทย จะเห็นได้ว่า
เมื่อปี พ.ศ. 2528
ปริมาณการค้าระหว่างประเทศทั้งสองประมาณ 0.3
ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมาปี พ.ศ.
2536 เพิ่มเป็น 2.3
พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6
หมื่นกว่าล้านบาท หรือ ร้อยละ 2.9
ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของประเทศไทย
โดยที่ไทยนำเข้าสินค้าหลายชนิดจากเกาหลีใต้ เช่น เครื่องจักร เหล็ก
เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเลกทรอนิกส์ รถยนต์
ขณะที่ไทยส่งสินค้าออกไปยังเกาหลี ได้แก่ น้ำตาลทราย แผงวงจรไฟฟ้า
ยางพารา มันสำปะหลัง ชิ้นส่วนมิเตอร์ ตลับลูกปืน ข้าว โดยเฉพาะในช่วงปี
พ.ศ. 2533-2536
ปริมาณการค้าการลงทุนเพิ่มมากกว่าสองเท่า อนึ่ง
สินค้าจากเกาหลีใต้ที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในประเทศไทยคือ
โสมเกาหลี แต่มีราคาสูงและไม่เป็นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่บริโภคโสมเกาหลีจึงจำกัดอยู่ในหมู่นักธุรกิจหรือผู้มีรายได้สูงเท่านั้น
ขณะที่สินค้าอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์
Hyundai
เพิ่งเป็นที่รู้จักทั้งจากการโฆษณาจากสื่อสารมวลชนต่างๆ
และการวางขายตามร้านค้า-ตัวแทนจำหน่าย-และห้างสรรพสินค้า
อย่างไรก็ตาม
ผู้บริโภคชาวไทยยังขาดความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าของเกาหลีใต้เพราะคนไทยคุ้นเคยกับสินค้าของญี่ปุ่นทั้งด้านราคา
คุณภาพ รูปแบบของสินค้าและการบริการหลังการขาย(เกศินี
วิฑูรชาติ และ ภาณี รูปสม, 2540 : 46)
เกาหลีใต้ได้เปรียบดุลการค้ากับประเทศไทยมาก กล่าวคือ ประเทศไทยขาดดุลการค้ากับเกาหลีต่อเนื่องกันมามากกว่า
10 ปี เพียงปี พ.ศ.
2536 ไทยขาดดุลการค้าให้กับประเทศเกาหลีถึง
37,632 ล้านบาท โดยเฉพาะปลายทศวรรษ 2533 (ทศวรรษ
1990)
เมื่อมีการนำเข้ารถยนต์ชนิดต่างๆ จากเกาหลีใต้เข้ามาแข่งขันกับรถยนต์ญี่ปุ่นในตลาดไทยเพิ่มมากขึ้น
ทำให้ไทยเสียเปรียบดุลการค้าแก่เกาหลีใต้มากยิ่งขึ้นควบคู่กันไปด้วย
(สุรชัย ศิริไกร,
2529 : 1)
|