ปีงบประมาณ
2530
ชื่อโครงการวิจัย
การศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบและแนวทางของการพัฒนาชนบทแห่งชาติในประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี
ผู้ทำวิจัย
รศ.ชอบ
เข็มกลัด
จำนวนหน้า
131 หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย
การวิจัยเอกสารเรื่อง
การศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบและแนวทางของการพัฒนาชนบทแห่งชาติในประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี
นี้
เป็นการวิจัยเพื่อเปรียบเทียบแนวคิด/ปรัชญา
หลักการ แนวทาง/กลยุทธ
ตลอดจนการจัดโครงสร้างการบริหารงานระหว่างแผนพัฒนาชนบทยากจนของไทยกับขบวนการเซมาเอิล
อุนดอง ของเกาหลีใต้
ทั้งในประเด็นที่คล้ายกันและแตกต่างกัน
ทั้งนี้เพราะจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากสื่อมวลชนประเภทต่างๆ
มักจะเปรียบเทียบและชี้ให้เห็นว่า
เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศมากกว่าประเทศไทย
จนสามารถนำไปสู่ความเป็นอุตสาหกรรมใหม่
(NICs)
ได้
แต่การวิจัยครั้งนี้
ละเว้นที่จะไม่ขอกล่าวหรือวิเคราะห์เปรียบเทียบถึงผลของการพัฒนา
(output)
ที่ดำเนินการตามแผนพัฒนาทั้งสองดังกล่าว
เพราะอาจไม่เป็นธรรมสำหรับประเทศไทยได้ด้วยเหตุผลที่ว่าแผนพัฒนาชนบทยากจนได้ถูกนำมาใช้หลังจากที่ขบวนการเซมาเอิล
อุนดอง ดำเนินการมาแล้วถึง 10
ปี
ผลจากการวิจัยเปรียบเทียบครั้งนี้พบว่า
1.
แนวคิด/ปรัชญา
:
แผนพัฒนาทั้งสอง
ต่างให้ความสำคัญกับตัวคนเป็นหลัก
แต่แผนพัฒนาชนบทบากจนมุ่งให้คนในชนบทได้รับทรัพยากรและผลของการพัฒนาอย่างทั่วถึง
และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ต่างกับขบวนการเซมาเอิล อุนดอง
ที่ต้องการให้คนมีความขยันช่วยตัวเอง
และร่วมมือกัน
ซึ่งเน้นในเรื่องจิตตารมณ์
(Spirit)
ของคน
ก่อนที่จะให้คนปรับปรุงทางด้านกายภาพ
2.
หลักการ
:
แผนพัฒนาทั้งสองยึดพื้นที่เป็นหลักในการดำเนินงาน
แต่แผนพัฒนาชนบทยากจนแบ่งพื้นที่เป็น
2 ประเภท
และให้ความสำคัญกับพื้นที่ยากจนหนาแน่นก่อน
ส่วนขบวนการเซมาอิล อุนดอง
ให้ความสำคัญกับพื้นที่ทั้ง 3
ระดับพอๆ กัน
เพียงแต่กำหนดกิจกรรมการพัฒนาแตกต่างกันในแต่ละระดับ
3.
แนวทาง/กลยุทธ
:
แผนพัฒนาชนบทยากจนกำหนดพื้นที่เป็นเป้าหมาย
(target area)
เพราะการปฏิบัติจริงไม่ได้แยกกลุ่มคนจนในพื้นที่ยากจนให้เห็นชัดเจน
แต่ขบวนการเซามาเอิล อุนดอง
กำหนดให้คนหรือกลุ่มคนเป็นเป้าหมาย
(target group)
และใช้พื้นที่เป็นกลยุทธ
(Strategies)
ในการทำงาน
4.
เกณฑ์กำหนดพื้นที่
:
แผนพัฒนาชนบทยากจนใช้ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ
สังคม (socio-economic
indicators)
เพื่อจัดแบ่งพื้นที่หมู่บ้านตามระดับความรุนแรงของปัญหา
แต่ขบวนการเซมาเอิล อุนดอง
พิจารณาจากศักยภาพของประชาชน
โดยใช้วิธีการทดสอบด้วยการแจกปูนซีเมนต์และเหล็กเส้น
เพื่อใช้ในการสร้างที่อยู่อาศัย
เป็นต้น
5.
การมีส่วนร่วม
:
แผนพัฒนาทั้งสองเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมเลือกโครงการตามที่ตนเองต้องการภายใต้กรอบโครงการที่รัฐบาลกำหนด
และจูงใจ
ให้ประชาชนเข้าร่วมด้วยการจัดประกวดหมู่บ้านและให้รางวัล
ทั้งที่เป็นตัวเงินสดและวัสดุสิ่งของ
6.
โครงสร้างองค์กร
:
แผนพัฒนาทั้งสองมีการจัดโครงสร้างองค์กรรับผิดชอบ
5 ระดับ
ตั้งแต่ระดับชาติถึงระดับหมู่บ้าน
จะแตกต่างกันเฉพาะคณะกรรมการในองค์กรแต่ละระดับ
กล่าวคือ
แผนพัฒนาชนบทยากจนองค์กรแต่ละระดับมีกรรมการมากกว่า
1 ชุด
ยกเว้นระดับอำเภอและระดับหมู่บ้านที่มีเพียงระดับละ
1 ชุด
แต่ขบวนการเซมาเอิล อุนดอง
องค์กรแต่ละระดับมีกรรมการเพียง
1 ชุด
เท่านั้น ยกเว้นระดับหมู่บ้านที่มี
2
ชุด
7.
การประสานงาน
:
แผนพัฒนาชนบทยากจน
มีการประสานงานทั้งในแนวตั้งระหว่างองค์กรทั้ง
5 ระดับ
(vertical coordination)
และแนวนอนระหว่างองค์กรในระดับเดียวกัน
(horizontal coordination)
ซึ่งค่อนข้างสลับซับซ้อนและยุ่งยากมากกว่าการประสานงานของขบวนการเซมาเอิล
อุนดอง
ที่ให้ความสำคัญกับการประสานงานในแนวตั้ง
8.
อำนาจการตัดสินใจ
:
แผนพัฒนาชนบทยากจน
ให้ความสำคัญกับองค์กรระดับจังหวัดในการจัดทำแผนตามกรอบโครงการที่เสนอให้ประชาชนเลือกแต่ละจังหวัดจะต้องเสนอส่วนกลางเพื่อขออนุมัติทั้งโครงการและงบประมาณ
แต่ขบวนการเซมาเอิล อุนดอง
กระจายอำนาจให้องค์กรระดับอำเภอตัดสินใจอนุมัติโครงการและงบประมาณได้
9.
วิธีการ
:
รัฐบาลไทยนำแผนพัฒนาชนบทยากจนมาใช้ในฐานะที่เป็นโครงการ
(program approach0
เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
แต่เกาหลีใต้นำขบวนการเซมาเอิล อุนดอง
มาใช้ในฐานะที่เป็นขบวนการ
(movement)
เพื่อปลุกเร้าจิตสำนึกและปลูกฝังอุดมการณ์
โดยใช้โครงการ/กิจกรรมเป็นสื่อ
(means)
ด้วยวิธีการให้เข้าอบรมในศูนย์ฝึกอบรมผู้นำ
10.
ปัจจัยที่เอื้อต่อการพัฒนา
:
ความเอาจริงเอาจังของผู้นำ
ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งที่นานพอที่จะทำให้ผู้นำ
สามารถกำหนดนโยบายการพัฒนาและดำเนินการตามนโยบายอย่างต่อเนื่องได้
เงื่อนไขทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม
ที่กระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชาติ
เช่น
ภาวะสงครามในเกาหลีใต้หรือการปฏิรูปที่ดิน
ก่อนที่จะนำเอาขบวนการเซมาเอิล อุนดอง
มาใช้
นอกจากนี้
อุปนิสัยของคนในชาติในเรื่องของความขบขัน
ความอดทน ความมีระเบียบวินัย ฯลฯ
ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการดำเนินงานพัฒนาให้บรรลุเป้าหมาย
ปัจจัยต่างๆ ตามที่กล่าวมา
ค่อนข้างมีความแตกต่างกันระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี |