MAP LINK SERVICE NEWS GUESTBOOK WEBBOARD  

ติดตามสถานะการณ์ สาธารณรัฐเกาหลี


ติดตามสถานะการณ์ข่าว เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2545

 

ทุนสำรองเกาหลีใต้ เพิ่มเกือบสองพันล้านดอลลาร์

โซล - ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 1,975 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนพฤษภาคม เป็นผลจากการขายสินทรัพย์ สกุลเงินต่างประเทศ บวกกับการแข็งค่า ของเงินยูโรและเงินเยน

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ประกาศวานนี้ (2 มิ.ย.) ว่า ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของเกาหลีใต้พุ่งขึ้นเป็น 109,630 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม จาก 107,655 ล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นเดือนเมษายน ส่วนหนึ่งมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากการขายสินทรัพย์สกุลเงินต่างประเทศ

นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินยูโรและเงินเยนเมื่อเร็วๆ นี้ ก็มีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตของทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ของเกาหลีใต้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเงินเยนและเงินยูโร จะมีค่าสูงขึ้นเมื่อแปลงเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ

ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ สิ้นสุด ณ เดือนพฤษภาคมสูงขึ้น 6,810 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2544

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ แจกแจงว่า ในบรรดาทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศทั้งหมด นับถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม แบ่งเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ 93,668 ล้านดอลลาร์ และเงินฝากมูลค่า 15,593 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลือประกอบด้วยเงินฝากในประเทศ ทองคำสำรอง และสิทธิถอนเงินพิเศษในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

ด้วยปริมาณทุนสำรองดังกล่าว ทำให้เกาหลีใต้ครองตำแหน่งประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศมากที่สุดอันดับ 5 ของโลก

 

โสมขาวอาศัยบอลโลกโปรโมทสินค้าไฮเทค

โซล - เกาหลีใต้สบโอกาสทองช่วงเป็นเจ้าภาพแข่งขันฟุตบอลโลก นำเสนอประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์ไฮเทคหลากหลายรูปแบบ หวังชิงความเป็นเลิศเหนือคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น

ดิ เอเชียน วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานวานนี้ (3 มิ.ย.) ว่า เกาหลีใต้อาศัยโอกาสทองช่วงเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ร่วมกับญี่ปุ่น นำเสนอประสิทธิภาพอุปกรณ์ไฮเทคหลากหลายประเภท และพยายามทำให้ดีกว่าญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งด้านสินค้าไฮเทค

ทั้งนี้ เกาหลีใต้ได้ติดตั้งโทรทัศน์จอยักษ์มีความคมชัดสูง ด้วยฝีมือการผลิตในประเทศจำนวน 103 เครื่อง ไว้ภายในสนามบินนานาชาติอินชอน ทั้งยังเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแก่บรรดาแขกที่เข้าพักในโรงแรมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังจำหน่ายพืชผลทางการเกษตรผ่านเครือข่ายออนไลน์ ซึ่งทำให้เหล่าเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า

นายจู จง อ็อก ผู้อำนวยการคณะกรรมการดูแลภาคไอทีในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2002 ของกระทรวงคมนาคมและสารสนเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า การนำเสนอประสิทธิภาพอุปกรณ์ไฮเทคที่มีการวางแผนอย่างรัดกุมนี้ มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีสารสนเทศของเกาหลีใต้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าญี่ปุ่น

อย่างไรก็ดี ถึงแม้การเป็นเจ้าภาพร่วมระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่สำหรับเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีการพัฒนาน้อยกว่าญี่ปุ่นมาช้านาน การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ยังถือเป็นโอกาสทองที่จะแย่งชิงชัยชนะด้านเทคโนโลยีมาไว้ในกำมือด้วย

ก่อนหน้านี้ ทีมงานของนายจูได้เข้าสำรวจโรงแรมต่างๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การโปรโมทเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศได้รับการนำเสนออย่างเต็มที่ โดยอาศัยบรรดาผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ เพิ่มจำนวนการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ให้กับแขกที่เข้าพักได้เช่าใช้บริการ

นายจูยังกล่าวด้วยว่า ฟุตบอลโลกเปรียบเหมือนการโฆษณาชิ้นหนึ่งที่นำเสนอภาพของเกาหลีใต้ในทุกๆ วินาทีให้ปรากฏแก่สายตาผู้ชมจำนวนหลายพันล้านคนทั่วโลก

เกาหลีใต้ได้พัฒนาด้านเทคโนโลยีขึ้นมาก หลังจากเอาชนะญี่ปุ่นในส่วนของการผลิตชิพความจำคอมพิวเตอร์ ช่วงปลายทศวรรษ 2533 ได้สำเร็จ และปัจจุบันได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก ทั้งยังเป็นผู้ผลิตโทรทัศน์จอบางชั้นนำของโลกด้วย

ข้อมูลของกระทรวงคมนาคมและสารสนเทศเกาหลีใต้ ระบุว่า ปัจจุบัน ครอบครัวชาวเกาหลีเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในอัตราส่วน 54% เมื่อเทียบกับสหรัฐและญี่ปุ่น ซึ่งมีเพียง 13% และ 6.3% ตามลำดับ

 

พรูเดนเชียลเสนอซื้อบ.การเงินฮุนได

โซล - "พรูเดนเชียล" เตรียมยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการเข้าถือครองกิจการหน่วยงานด้านการเงิน 2 แห่งในเครือฮุนได กรุ๊ป ของเกาหลีใต้ ในปลายเดือนนี้ หลังกลุ่มทุนอเมริกันที่มีเอไอจี กรุ๊ป เป็นแกนนำ ถอนตัวออกไปเมื่อต้นปี

นายกวอน โอ-คิว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ เปิดเผยวานนี้ (7 มิ.ย.) ว่า พรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมการเงินโลก ประสบความสำเร็จในการเจรจากับหน่วยงานทรัสต์ที่กำลังประสบปัญหา 2 แห่ง ในเครือฮุนได กรุ๊ป และมีแผนยื่นเสนอราคา เพื่อเข้าถือครองกิจการหน่วยงานทรัสต์ทั้ง 2 แห่ง ภายในเดือนนี้

การขายบริษัทในเครือฮุนได ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบความสามารถของรัฐบาลเกาหลีใต้ ในการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปบริษัท หลังประสบปัญหาในแผนการขายไฮนิกซ์ เซมิคอนดักเตอร์ บริษัทไฮเทคชั้นนำที่ประสบปัญหาการเงิน จนต้องชะลอออกไปก่อน

ความพยายามก่อนหน้านี้ ในการขายหน่วยงานด้านการเงินของฮุนได ต้องล้มเหลวลง หลังจากเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) บริษัทประกันรายใหญ่สุดในโลกของสหรัฐ ถอนตัวออกจากกลุ่มนักลงทุนที่ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อกิจการหน่วยงานด้านการเงินของฮุนได มูลค่า 1.1 ล้านล้านวอน พร้อมกับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลอีก 900,000 ล้านวอน

 

แนะโสมขาวหนุนเงินวอนแข็งค่า ช่วงที่ศก.ขยายตัวแต่เงินเฟ้อต่ำ

สิงคโปร์ - ผู้เชี่ยวชาญแนะเกาหลีใต้ กระตุ้นให้เงินท้องถิ่นแข็งค่าขึ้น โดยอาศัยประโยชน์ จากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ

สำนักข่าวดาวโจนส์ รายงานวานนี้ (10 มิ.ย.) ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ภาคการเงินของเกาหลีใต้สมควรที่จะหันมาหนุนให้เงินวอนแข็งค่าขึ้น แทนที่จะดำเนินกลยุทธ์ปล่อยเงินให้อ่อนค่าลงตามญี่ปุ่น เนื่องจากการแข็งค่าของเงินท้องถิ่นก่อให้เกิดสิ่งสำคัญมาก 2 ประการคือ ทำให้เงินเฟ้ออยู่ในความควบคุม และกระตุ้นให้เกิดการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างประเทศ

สาเหตุที่มาตรการดังกล่าวเหมาะสมกับเกาหลีใต้ในขณะนี้ ก็เนื่องมาจากว่า เศรษฐกิจแดนโสมขาวมีความแข็งแกร่งมากในอัตรา 5.8% ต่อปี ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ 3% ประกอบกับชาวต่างชาติยังคงทุ่มเทเม็ดเงินเข้ามาในเกาหลีใต้ทั้งในรูปของพอร์ตฟอลิโอ และการลงทุนทางตรง

อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นที่กังขาว่าบรรดาเจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง และธนาคารกลางเกาหลีใต้ จะยังคงพูดเรื่องผลเสียจากการแข็งค่าของเงินท้องถิ่นแบบเดียวกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโตเกียวต่อไปหรือไม่ ความวิตกในเรื่องดังกล่าวนี่เองที่ไปยับยั้งการแข็งค่าของเงินวอน เนื่องจากนักค้าเงินเล็งเห็นความเป็นไปได้ที่แบงก์ชาติอาจเข้าแทรกแซงค่าเงินแบบเดียวกับที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นกระทำไปเมื่อเร็วๆ นี้

ในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินวอนแข็งค่ากว่า 8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ เงินวอนอ่อนค่าลงตามการร่วงของเงินเยนมาปิดที่ 1,230.5 วอนต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 1,227.2 วอน การซื้อขายค่อนข้างจะซบเซาตลอดทั้งวัน เนื่องจากผู้ค้าหันไปชมการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกากันหมด

ก่อนหน้านี้ นายปาร์ก ซุง ผู้ว่าการแบงก์ชาติเกาหลีใต้เตือนว่า การแข็งค่าของเงินวอนเมื่อเร็วๆ นี้ ลดศักยภาพในการแข่งขันของผู้ส่งออกแดนโสมขาว เขาบอกด้วยว่าธนาคารกลางจะดำเนินมาตรการเพื่อต่อต้านการแข็งค่าของเงินวอนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ถ้าหากว่าการแข็งค่าของเงินท้องถิ่นทำลายเศรษฐกิจของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าความผันผวนรุนแรงของเงินวอนอาจทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการสร้างเสถียรภาพให้กับเงินท้องถิ่น แต่ถ้าหากว่าเม็ดเงินไหลเข้า อันเนื่องมาจากการมองแนวโน้มเศรษฐกิจแดนอารีดังในแง่ดีส่งผลให้เงินวอนอ่อนค่าแบบค่อยเป็นค่อยไป ก็น่าจะได้รับการยอมรับจากรัฐบาลโซล เพราะจะช่วยทำให้เงินเฟ้ออยู่ในความควบคุม และเปิดทางให้แบงก์ชาติไม่ต้องขึ้นดอกเบี้ยนานออกไปอีก

วิธีนี้อาจทำให้เกาหลีใต้ยินดีกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจยาวนานเป็นประวัติการณ์แบบเดียวกับสหรัฐ ที่เพิ่งสิ้นสุดเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมเงินเฟ้อได้อยู่หมัดนั่นเอง

 

โสมขาวกังวลวอนแข็งเกินเหตุ

โซล - เกาหลีใต้กังวลวอนแข็งค่าเกินไป ประกาศพร้อมดำเนินมาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพให้ตลาดเงิน ขณะธนาคารกลางเล็งกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินวอนใหม่ โดยอาจหั่นเลขศูนย์ 1 หรือ 2 ตัว ออกจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินวอนในปัจจุบัน

เจ้าหน้าที่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้รายหนึ่ง กล่าววานนี้ (11 มิ.ย.) ว่า การที่เงินวอนแข็งค่าเกินไปเป็นสิ่งที่น่ากังวล และรัฐบาลได้เตรียมพร้อม ที่จะเคลื่อนไหวเพื่อเข้าสร้างเถียรภาพให้กับตลาดแล้ว

การแข็งค่าของเงินเยน และเศรษฐกิจท้องถิ่นที่แข็งแกร่งผลักดันให้เงินวอนแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 8% จากระดับอ่อนค่าที่ 1,333.5 เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยค่าเงินวอนปิดตลาดวานนี้ที่ 1,229.5 ต่อดอลลาร์

ขณะเดียวกันนายปาร์ก เซียง ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ (บีโอเค) เปิดเผยว่า บีโอเคได้เริ่มศึกษาถึงผลกระทบ และค่าใช้จ่ายสำหรับการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินวอนใหม่ ด้วยการตัดหลักสิบ หรือหลักร้อยออกไป ซึ่งจะทำให้เงินวอน ที่ปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ในระดับประมาณ 1,300 วอนต่อดอลลาร์ มีราคาอ้างอิงตลาดที่ 130 วอนต่อดอลลาร์ หรือถ้าตัดหลักร้อยก็จะเป็น 13 วอนต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ได้หารือกันมานานแล้วถึงความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนรูปเงินวอน เพราะเห็นว่ารูปแบบในปัจจุบันจะทำให้ค่าเงินดูถูกเกินไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

 

โสมไฟเขียวแบงก์-กลุ่มการค้า ข้ามฝากทำตลาดประกัน

โซล- คลังเกาหลีใต้ผ่อนกฎการเงิน ไฟเขียวธนาคาร-กลุ่มการค้าทำธุรกิจประกันได้

กระทรวงการคลังเกาหลีใต้ แถลงเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) ว่า รัฐบาลโซลมีแผนผ่อนคลายกฎระเบียบทางการเงินเพื่อกระตุ้นตลาดประกันในประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก โดยการเปิดทางให้สถาบันการเงินและกลุ่มการค้าต่างๆ เข้าไปทำธุรกิจประกันได้

ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2546 กระทรวงการคลังจะอนุญาตให้ธนาคารตั้งหน่วยงานด้านประกันได้ แต่การขายกรมธรรม์ยังจำกัดให้ขายเฉพาะลูกค้าธนาคารก่อนเท่านั้น เพื่อคุ้มครองบริษัทประกันปัจจุบันไม่ให้ถูกแย่งส่วนแบ่งจากธนาคาร

รัฐบาลยังตัดสินใจยกเลิกกฎหมายที่ห้ามกลุ่มการค้าชั้นนำ 5 แห่งของประเทศทำธุรกิจประกัน เพราะส่วนใหญ่ก็มีเครือข่ายธุรกิจประกันอยู่แล้ว ยกเว้นฮุนได มอเตอร์ ที่เพิ่งแยกตัวออกจากฮุนได กรุ๊ป เมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนั้น เพื่อเพิ่มขีดแข่งขันในตลาดประกัน กระทรวงการคลังยังจะอนุญาตให้บริษัทตั้งใหม่ที่มีทุนที่ชำระแล้วมากกว่า 5,000 ล้านวอน ทำธุรกิจประกันได้ จากเดิมที่ตั้งเพดานไว้ที่สูงกว่า 10,000 ล้านวอน

ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีบริษัทประกันอยู่ราว 44 แห่ง แต่ศักยภาพในการทำกำไรจัดอยู่ในขั้นอ่อนแอตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงิน 2540 เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุนจากการลงทุน และเศรษฐกิจหดตัว

กรกฎาคม 2545

สมขาวสั่งแก้กฎการปะทะ "ยิงก่อนเตือนทีหลัง"

โซล - โสมขาวกร้าว ปรับกฎการปะทะทางทะเลใหม่ อนุญาตให้เรือรบโจมตีได้ทันที โดยไม่ต้องรอยิงเตือน ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัว ขณะโสมแดง กล่าวหาสหรัฐ เป็นตัวยุแยง ให้เกิดความขัดแย้ง ในคาบสมุทรเกาหลี

กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยแนวปฏิบัติเกี่ยวกับกฎการปะทะทางทะเลฉบับใหม่ เมื่อวานนี้ (2 ก.ค.) โดยจะอนุญาตให้กองเรือรบเปิดฉากยิงได้ทันที หากถูกรุกล้ำน่านน้ำก่อน โดยไม่ต้องยิงเตือนฝ่ายตรงข้าม ซึ่งกฎดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทหารเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือได้ปะทะกันในทะเลเหลือง ส่งผลให้ทหารเกาหลีใต้เสียชีวิต 4 นาย สูญหาย 1 นาย และบาดเจ็บ 19 นาย

โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยว่า แนวปฏิบัติใหม่ มีผลบังคับใช้จนกว่ากฎระเบียบว่าด้วยการสู้รบทางทหาร จะได้รับการจัดทำขึ้นภายใต้การหารือและเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่สหรัฐ เพื่อไม่ให้ละเมิดข้อตกลงเพื่อความมั่นคงทวิภาคีที่สหรัฐและเกาหลีใต้ทำไว้ตั้งแต่ช่วงสงครามเกาหลี

"ระเบียบปฏิบัติใหม่จะช่วยให้เรือรบเกาหลีใต้รับมือกับการรุกรานของเรือเกาหลีเหนือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังลดความสูญเสียหากมีการเผชิญหน้าระยะใกล้ชิด" กระทรวงกลาโหม ระบุ ความสูญเสียจากการปะทะกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งถูกมองว่า เป็นผลจากรัฐบาลประธานาธิบดีคิม แด-จุง รับรองกฎที่ให้ทหารเกาหลีใต้ต้องเตือนฝ่ายตรงข้ามก่อนโจมตี ขณะหลังนายคิม ดอง-ชิน รัฐมนตรีกลาโหมเข้าหารือกับพลเอกลีออน ลาปอร์เต ผู้บัญชาการทหารสหรัฐ 37,000 นายในเกาหลี ได้มีการเรียกร้องให้แก้ไขกฎดังกล่าวทันที

ด้านรัฐบาลเกาหลีเหนือออกโรงกล่าวหาสหรัฐว่ามีส่วนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างเรือเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ เมื่อวันเสาร์ (29 มิ.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างชาติทั้ง 2 ซึ่งก็ได้รับการตอบโต้จากสหรัฐทันทีว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริง

 

เกาหลีใต้ตรวจเข้ม 59 โบรกเกอร์ หวั่นเผยข้อมูลนักลงทุนรู้ก่อน

โซล - เกาหลีใต้ เริ่มตรวจสอบ 59 บริษัทหลักทรัพย์ หวังเจาะลึก วิธีการเปิดเผย การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ พร้อมเตรียมเผยผลสอบยูบีเอส วาร์เบิร์ก สัปดาห์นี้

หนังสือพิมพ์อิลโบ ของเกาหลีใต้ รายงานวานนี้ (12 ส.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบของเกาหลีใต้ ได้เรียกร้องให้บริษัทหลักทรัพย์ ที่ดำเนินการอยู่ภายในประเทศ 59 ราย ส่งเอกสารการวิจัย ย้อนหลังกลับไป 18 เดือน ให้กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งยังมีความเป็นไปได้ด้วยว่า จะมีการตรวจสอบโทรศัพท์ และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เมล์)

ทั้งนี้ เกาหลีใต้ ได้เพิ่มความเข้มงวด เกี่ยวกับวิธีการเปิดเผย การจัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัทต่างๆ ของโบรกเกอร์ท้องถิ่น และต่างชาติ มาตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นับแต่ที่ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทรายใหญ่สุดของประเทศ เรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องที่ยูบีเอส วาร์เบิร์ก โบรกเกอร์ต่างชาติชั้นนำลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นของบริษัท ซึ่งทางการเกาหลีใต้ มีกำหนดประกาศผลสอบสวนเรื่องดังกล่าว ภายในวันที่ 16 ส.ค.นี้

แหล่งข่าวรายหนึ่ง ระบุว่า การตรวจสอบข้างต้น เกิดขึ้นเพราะทางการเริ่มวิตกกังวลว่านักวิเคราะห์ อาจเปิดเผยข้อมูลของตนให้กับบริษัทนักลงทุน ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน และมีโบรกเกอร์เพียงไม่กี่ราย ที่จะโดนสอบสวนต่อไป

 

เกาหลีใต้ฟ้องลูกชายคนรองของคิม แด จุง

โซล - อัยการเกาหลีใต้ฟ้องลูกชายคนรองของประธานาธิบดี "คิม แด จุง" ข้อหาฉ้อฉลและเลี่ยงภาษี ขณะผู้เป็นพ่อออกมาขอโทษประชาชนอีกครั้ง ต่อการก่อเรื่องอื้อฉาวของคนในครอบครัว

คณะอัยการเกาหลีใต้ยื่นฟ้องนายคิม ฮอง อัพ วัย 53 ปี บุตรชายคนที่ 2 ของนายคิม แด จุง ประธานาธิบดี วานนี้ (10 ก.ค.) ในข้อหารับสินบนจากบริษัท 6 ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,580 ล้านวอน เพื่อแลกกับการใช้อิทธิพลช่วยเหลือบริษัทเหล่านั้น

นอกจากนี้ นายฮอง อัพ ซึ่งถูกจับกุมตัวเมื่อเดือนที่แล้ว ยังเผชิญข้อกล่าวหาหลีกเลี่ยงการชำระภาษี หลังรับเงิน 2,200 ล้านวอน จากบริษัทต่างๆ รวมถึง ฮุนได และซัมซุง ในรูปของ "เงินบริจาคทางการเมือง"

นายคิม ฮอง กุล วัย 38 ปี น้องชายของนายฮอง อัพ ถูกควบคุมตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ ในข้อหาฉ้อฉลและเลี่ยงภาษีเช่นเดียวกัน

เอกสารยื่นฟ้องของอัยการระบุว่า นายฮอง อัพ รับเงิน 750 ล้านวอน ระหว่างเดือนธันวาคม 2543-พฤษภาคม 2544 จากรองประธานกลุ่มบริษัทแห่งหนึ่ง ที่พยายามหลีกเลี่ยงการจับกุมข้อหาฉ้อโกง

นอกจากนี้ นายฮอง อัพ ยังรับเงิน 1,440 ล้านวอน จากบริษัทก่อสร้างรายหนึ่งในปี 2542 และ 2543 ซึ่งขอให้เขาเกลี้ยกล่อมธนาคารเจ้าหนี้ยอมเลื่อนกำหนดชำระหนี้ และอีกคดีหนึ่ง นายฮอง อัพ รับเงินรวม 1,600 ล้านวอน ในวาระต่างๆ รวม 13 ครั้ง จากนายชุง จู ยุง ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทฮุนได ระหว่างปี 2541-2543

การสอบสวนนายฮอง อัพ คาดว่าจะมีขึ้นภายในต้นเดือนหน้า และถ้าศาลตัดสินว่าเขากระทำผิดจริง ก็ต้องโทษจำคุกเป็นเวลาหลายปี

นางปาร์ก ซุน ซุก โฆษกประธานาธิบดี กล่าวว่า ประธานาธิบดีคิมรู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง พร้อมกับเสริมว่า ชะตากรรมของนายฮอง อัพ ขึ้นอยู่กับศาลเท่านั้น

ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายว่า นายคิม แด จุง จะปรับคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า เพื่อฟื้นฟูความนิยมของรัฐบาล

 

โสมขาวปรับ ครม.เด้ง รมว.กลาโหมหลังเกิดเหตุปะทะโสมแดง

โซล - ผู้นำโสมขาว ประกาศปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นครั้งแรก หลังรัฐบาลถูกวิจารณ์หนัก ถึงความไร้ประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาความตึงเครียด กับโสมแดง

ประธานาธิบดีคิม แด-จุง แห่งเกาหลีใต้ ประกาศปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่วานนี้ โดยนายปาร์ค จี-วอน โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดี ได้อ่านแถลงการณ์แต่งตั้งให้นางชาง ซัง อธิการบดีมหาวิทยาลัยสตรีเอห์วา วัย 62 ปี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทนนายลี ฮัน-ดอง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่สตรีได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

โฆษกทำเนียบประธานาธิบดี แถลงว่า การปรับคณะรัฐมนตรีมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ และการแต่งตั้งสตรีขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เพราะเห็นว่าบทบาทของสตรีในเกาหลีใต้ จะทวีความสำคัญอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในศตวรรษที่ 21

ประธานาธิบดีคิม เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นผู้นำคณะรัฐมนตรีได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไม่ได้เป็นเพียงนักวิชาการ และนักการศึกษา แต่ยังเป็นนักบริหารที่ดีในฐานะอธิการบดีของมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ

นอกจากนี้ ผู้นำเกาหลีใต้ยังปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี 6 กระทรวงจากทั้งหมด 19 กระทรวง รวมถึงรัฐมนตรีกลาโหม โดยแต่งตั้งนายลี จุน อดีตผู้บัญชาการกองทัพบก และอดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปของกระทรวงกลาโหม ขึ้นรับตำแหน่งแทนนายคิม ดอง-ชิน ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ารับมือกับการโจมตีจากเกาหลีเหนือ จากเหตุปะทะกันในทะเลเหลืองเมื่อเดือนที่แล้ว ล่าช้าเกินไป ทำให้ทหารเกาหลีใต้เสียชีวิต 5 นาย

สำหรับรัฐมนตรีอีก 5 กระทรวงที่ถูกปรับเปลี่ยน ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม, กระทรวงข้อมูลและการสื่อสารโทรคมนาคม, กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ, กระทรวงการเดินทะเลและประมง และกระทรวงยุติธรรม

การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่เป็นไปตามความคาดหมายของหลายฝ่าย เพื่อเรียกคะแนนนิยมให้รัฐบาล ก่อนถึงการเลือกตั้งซ่อมเดือนหน้า และการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนธันวาคม หลังรัฐบาลถูกรุมเร้าอย่างหนักทั้งจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริต การจับกุมดำเนินคดีบุตรชายสองคนของประธานาธิบดีคิม ในข้อหารับสินบนและหลบเลี่ยงภาษี ตลอดจนสถานการณ์ตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ ซึ่งสั่นคลอนนโยบายตะวันฉาย ของประธานาธิบดีคิม

 

 สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์    ศูนย์รังสิต  อ.คลองหลวง  จ. ปทุมธานี 12121 

 โทร.0-2564-5000-3 ต่อ 410,222    โทรสาร.0-2564-4777,0-2564-4888  

E-mail: ieas@asia.tu.ac.th  ieas@tu.ac.th http: www.asia.tu.ac.th